เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) บริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยี ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทย
ก้าวล้ำกว่าใครด้วยการพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Thing)
ซึ่งทำให้สามารถบริหารงานจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ แบบเรียลไทม์ และมีการนำข้อมูลที่เก็บไว้อย่างเป็นระบบ
ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และฉับไว ตอบรับกับการขยายตัวทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคปัจจุบัน
นายพันชนะ ตันติพิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) จำกัด ได้เปิดเผยว่า
“บริษัทดำเนินงานภายใต้แนวคิดในการพัฒนา IoT Platform (Internet of Things)
ซึ่งในปี 2567 นี้ เรามีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะเข้าสู่ตลาดโลจิสติกส์ โดยยังคงมุ่งใช้เทคโนโลยีการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เป็นจุดเด่นของบริษัทในการเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
โดยแผนที่ได้ดำเนินการไปแล้วนั้นคือการเสริมรถผ่านแพลตฟอร์มการบริหารงานจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์
ของเวลาร์ (WAYLAR) โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดหารถบรรทุกใหม่ ทั้ง 4ล้อ 4ล้อจัมโบ้ 6ล้อ
และ 10 ล้อ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และยังมีแผนสรรหารถเข้าร่วมเพิ่มเติมอีกทั้งรถใหม่
และมือสอง รวมทั้งรถของพันธมิตรที่จะนำมาเข้าร่วมกับบริษัท โดยตั้งเป้าขยายฟลีทรถรวมจำนวน กว่า 1,000 คัน
ผ่านแพลตฟอร์มจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ ของเวลาร์ (WAYLAR) ภายในปีนี้
นอกจากการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์อย่างเต็มตัวแล้ว เรายังคงความต่อเนื่องในการสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่ง
ที่เป็นลูกค้าของเวลาร์ ให้ได้รับการบริการที่ครบวงจร ทั้งนี้ด้วยประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งของทีมงาน
ภายใต้การบริหารของของ เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการและตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการผลักดันศักยภาพของลูกค้าให้ไปสู่เป้าหมายทางธุรกิจร่วมกัน
นอกจากนี้เวลาร์ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรอีกหลายหลายธุรกิจ ในการจัดทำโปรโมชั่น หรือแคมเปญต่างๆ
ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมทำธุรกิจกับเวลาร์ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง การสรรหาประกันภัย
ด้านการขนส่ง การดำเนินธุรกิจปล่อยเช่ารถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพันธมิตร ทั้งนี้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป
เราหน่วยธุรกิจด้านแพลตฟอร์มการบริหารงานจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
เนื่องด้วยฐานลูกค้าของเราในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์
ในกลุ่ม B2B (Business-to-Business) B2C (Business-to-Customer) C2C (Customer-to-Customer)
รวมถึงอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้มีความต้องการในด้านการสนับสนุน
ในด้านรถขนส่งประเภทต่างๆ อีกทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายรองลงไปที่น่าสนใจอีกหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิง
และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตรงจุดนี้เวลาร์มองว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายธุรกิจของเวลาร์ ที่จะทำให้เวลาร์เติบโต
ไปได้มากยิ่งขึ้น และคาดว่าเวลาร์จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดได้ในไม่ช้า อีกทั้งเรามีความภูมิใจในตัวแพลตฟอร์มของเรา
ที่เกิดจากการพัฒนาโดยทีมผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ของเวลาร์เองที่เป็นคนไทย 100% แต่มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ากับระดับโลก
ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าและพันธมิตรของเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ด้วยระบบนิเวศธุรกิจของเวลาร์ ซึ่งมีความสมบูรณ์และครอบคลุมในทุกด้านที่จำเป็นของผู้ประกอบการขนส่ง
ซึ่งผสานเข้ากับจุดเด่นของเรา คือนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการบริหารและเชื่อมโยงรถ ทรัพยากรคน และกระบวนการ
ทำงานที่มีการบูรณาการอย่างไร้รอยต่อ ยิ่งไปกว่านั้นเวลาร์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนธุรกิจของคู่ค้าผลักดันนโยบาย
ความยั่งยืนให้เป็นรูปธรรมผ่านการแปลงข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT (Internet of Thing)
ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่ง่ายและรวดเร็วต่อการเข้าถึง ทดแทนการใช้กระดาษ สะดวกต่อการจัดเก็บและการสืบค้นย้อนหลัง
และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ด้วยแผนการนำรถบรรทุกไฟฟ้า สมรรถนะสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาเสริมฟลีทรถของเวลาร์ด้วย
แผนการดำเนินงานของเราไม่เพียงมุ่งหวังเพื่อผลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานอย่างสูงสุด
ต่อลูกค้าในระยะสั้นเท่านั้น แต่เวลาร์พร้อมเคียงข้างและขับเคลื่อนธุรกิจคู่ค้าให้เติบโต และมุ่งสู่การประสบความสำเร็จ
ทางธุรกิจในระยะยาวไปพร้อมกัน” นายพันชนะกล่าวทิ้งท้าย